ประวัติ
- Details
- Published: Thursday, 07 April 2016 14:53
- Hits: 4180
ประวัติสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
ช่วงที่ 1 พระราชบัญญัติวิทยาลัยครู พุทธศักราช พ.ศ. 2518-2526
ตาม พ.ร.บ.วิทยาลัยครู พ.ศ. 2518 ได้กำหนดให้มีแผนกบริการการศึกษา อยู่ในสังกัดของสำนักงานอธิการบดี มีการบริหารงานโดยคณะกรรมการทุกคนทำงานด้วยความสมัครใจ กำหนดบทบาทหน้าที่บริการวิชาการแก่ชุมชน โดยงานบริการวิชาการ ในช่วงนั้นเน้นการอบรมทักษะการสอนและการสร้างสื่อให้แก่ครู สังกัดกรุงเทพมหานคร ในพื้นที่เป้าหมายมีการแบ่งกันดูแลรับผิดชอบในสหวิทยาลัยรัตนโกสินทร์ ในส่วนของจันทรเกษมได้รับมอบหมายให้ดูแล 8 เขต คือ มีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง พระโขนง บางกะปิ พญาไท ห้วยขวาง บางเขน ให้การอบรมวิชาทั่วไปแก่ครู เช่น เทคนิคการสอนและการสร้างสื่อคณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ฯลฯ สถานที่อบรมใช้สถานที่ของเขต หรือโรงเรียนตามความเหมาะสมเป็นศูนย์กลางการอบรม จนถึงปี พ.ศ. 2521 มีการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรประถมศึกษา วิทยาลัยครูจันทรเกษมได้เลือกโรงเรียนวัดปลูกศรัทธา เขตลาดกระบัง เป็นโรงเรียนทดลองปฏิบัติการตามหลักสูตรใหม่ แผนกบริการการศึกษาจึงได้ร่วมกับฝ่ายฝึกสอนของคณะวิชาครุศาสตร์ วิทยาลัยครูจันทรเกษม จัดโรงเรียนตัวอย่างที่โรงเรียนวัดปลูกศรัทธา และต่อมาแผนกบริการการศึกษาได้ใช้โรงเรียนวัดปลูกศรัทธาเป็นศูนย์กลางในการอบรมสัมมนาอีกหลายโครงการ รวมทั้งการอบรมวิชาชีพให้แก่แม่บ้าน และผู้สนใจเพิ่มขึ้นอีกด้วย เช่น อบรมเพาะเห็ด อบรมประดิษฐ์ดอกไม้แห้งและสด ฯลฯ
ต่อมาในช่วงปลายปี พ.ศ. 2524 หัวหน้าแผนกบริการการศึกษา ได้รับตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นคือ เป็นผู้ประสานงานโครงการ อ.ค.ป. (โครงการอบรมครูประจำการ) มีที่ตั้งอยู่ ณ สำนักส่งเสริม วิชาการในปัจจุบัน ในขณะนั้นงานการรับนักศึกษาภาคค่ำอยู่ในส่วนของฝ่ายบริการการศึกษา กอปรกับคณะวิชาครุศาสตร์ต้องการห้องทำงานคืน ที่ทำงานของแผนกบริการการศึกษาจึงได้ย้ายขึ้นมา ณ ตึกสำนักงานอธิการบดี อาคาร 4 ชั้น 2 ห้อง 426
พ.ศ. 2527 ได้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติวิทยาลัยครูเพิ่มเติม พุทธศักราช 2518 ครั้งที่ 2 มีผลกระทบต่อ โครงสร้างของหน่วยงาน โดยเฉพาะแผนกบริการการศึกษา เปลี่ยนเป็นศูนย์ฝึกอบรมและบริการวิชาการ แต่โครงสร้างการบริหารก็ยังไม่ชัดเจนนัก จนปี พ.ศ. 2528 ศูนย์ฝึกอบรมและบริการวิชาการได้ยุบรวมกับศูนย์วิจัย เปลี่ยนเป็นศูนย์วิจัยและบริการการศึกษา มีฐานะเทียบเท่าคณะวิชา มีการแบ่งงานเป็น 3 ฝ่าย ได้แก่ 1) ฝ่ายวิจัยและเผยแพร่ 2) ฝ่ายส่งเสริมและบริการวิชาการและ 3) ฝ่ายฝึกอบรม
ช่วงที่ 2 ช่วงพระราชบัญญัติวิทยาลัยครู (แก้ไขเพิ่มเติม) พ.ศ. 2527-2534
ช่วงพระราชบัญญัติวิทยาลัยครู (แก้ไขเพิ่มเติม) พ.ศ. 2527 – 2534 เป็นช่วงที่แผนกบริการการศึกษา เปลี่ยนเป็นศูนย์ฝึกอบรมและบริการวิชาการและเปลี่ยนมาเป็นศูนย์วิจัยและบริการการศึกษา หน่วยงานอื่นๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นเดียวกัน บทบาทหน้าที่ในส่วนของงานโครงการอบรมครูประจำการกลับคืนสู่สำนักส่งเสริมเต็มรูปแบบ ศูนย์วิจัยและบริการการศึกษาจึงได้ขอให้สถาบันจัดห้องสำนักงานให้และในที่สุดก็ได้รับอนุมัติให้อยู่อาคาร 4 ชั้น 4 ห้อง 442 (ปีกขวาบนสุด) คือ ห้องวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ในขณะเดียวกัน ศูนย์วิจัยและบริการการศึกษา ก็มีหน้าที่เพิ่มขึ้น คือต้องดูแลงานวิจัยของสถาบันอีกส่วนหนึ่ง จึงได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกหลายหมื่นบาท แต่ยังไม่ถึงหลักแสน งบประมาณส่วนบริการการศึกษายังคงเกือบเท่าเดิม จะเพิ่มขึ้นบ้างก็เพียงเล็กน้อย และส่วนที่เพิ่มชัดเจนคือ งบประมาณด้านการวิจัย คืองบประมาณสนับสนุนให้อาจารย์ทำงานวิจัย และงบประมาณการจัดอบรมให้อาจารย์ก็อยู่ในกระบวนการทำวิจัย การประมวลผล การเขียนรายงานการวิจัย ฯลฯ
สำหรับในส่วนของงานบริการการศึกษา นอกจากจะอบรมเพื่อให้ครู กทม. ได้มีทักษะการสอนเพิ่มขึ้น สามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้แล้ว ยังเพิ่มน้ำหนักไปที่การอบรมวิชาชีพที่กว้างขวางให้แก่ครู ประชาชน และผู้สนใจทั่วไป เช่น อบรมตัดเย็บเสื้อผ้า อบรมดัด เซ็ทผม อบรมแกะสลัก อบรมการ ถักทอผักตบชวา อบรมการทำขนมไทย ฯลฯ
และด้วยเหตุที่สำนักงานของศูนย์วิจัยและบริการการศึกษาอยู่ถึงชั้น 4 คณะกรรมการอาจารย์ และบุคคลภายนอกที่จะมาประสานติดต่อด้วยนั้น เป็นไปด้วยความยากลำบาก ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง แม้จะเป็นช่วงกลางวัน แต่ถ้าไม่มีนักศึกษาเรียน อาจารย์ที่ต้องนั่งทำงานในสำนักงานตามลำพัง จะไม่มีความปลอดภัย ในขณะเดียวกับที่มีการเปลี่ยนอธิการใหม่ ในปี พ.ศ. 2533 มีการปรับสำนักงานรองอธิการบดีบางจุด และจากเหตุผลความไม่ปลอดภัยดังกล่าว เป็นผลให้ศูนย์วิจัยและบริการการศึกษา ได้รับอนุมัติให้ย้ายสำนักงานลงมายังชั้น 1 คือ ห้องประชาสัมพันธ์ ต่อมาประมาณ พ.ศ. 2534 มีการปรับสำนักงานอาคาร 4 อีกครั้ง ศูนย์วิจัยและบริการการศึกษา จึงได้รับอนุมัติให้ย้ายขึ้นมา ณ อาคาร 4 ชั้น 2 ห้อง 426
ช่วงที่ 3 ช่วงสุดท้ายของการใช้พระราชบัญญัติวิทยาลัยครู พ.ศ. 2534-2537
ช่วงที่ 3 นี้ ถือเป็นช่วงสุดท้ายของการใช้พระราชบัญญัติวิทยาลัยครู ศูนย์วิจัยและบริการการศึกษา ณ ที่ตั้งสำนักงาน อาคาร 4 ชั้น 2 ห้อง 426 ยังคงมีบทบาทหน้าที่ที่สำคัญ 2 ประการคือ วิจัยและงานบริการการศึกษา ในส่วนของงานวิจัยในยุคนี้ ก็ได้มีการเน้นการอบรมสัมมนาความรู้ทางด้านการวิจัย ให้แก่อาจารย์อย่างต่อเนื่อง โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยในสาขาต่างๆ มาให้ความรู้ ความเข้าใจ รวมทั้งการขอรับทุนจากสถาบันเพื่อจัดสรรทุนสนับสนุนการทำวิจัยให้แก่อาจารย์ทำให้ได้รับงบประมาณมากขึ้นตามลำดับจนถึงหลักแสน มีการโน้มน้าวเชิญชวนให้อาจารย์ทำวิจัยมาโดยตลอด และที่น่ายินดีคือ ในช่วงนี้ได้มีการจัดสรรงบประมาณอุดหนุนงานวิจัยหรือปัญหาพิเศษให้แก่นักศึกษาโดยผ่านกระบวนการอาจารย์ที่ปรึกษางานวิจัย และมีการทำสัญญาเช่นเดียวกับงานวิจัยของอาจารย์
ช่วงที่ 4 ช่วงพระราชบัญญัติสถาบันราชภัฏ พ.ศ. 2538-2541
ในปี พ.ศ. 2538 มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติสถาบันราชภัฏในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2538 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 25 มกราคม 2538 วิทยาลัยครูเปลี่ยนเป็นสถาบันราชภัฏในบททั่วไป มาตรา 7 “ให้สถาบันราชภัฏเป็นสถาบันอุดมศึกษา เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นมีวัตถุประสงค์ให้การศึกษาวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง ทำการวิจัย ให้บริการวิชาการแก่สังคม ปรับปรุงถ่ายทอดและพัฒนาเทคโนโลยี ทะนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ผลิตครู และส่งเสริมวิทยฐานะครู”
ตาม พระราชบัญญัติสถาบันราชภัฏ พ.ศ. 2538 มีผลให้มีการปรับโครงสร้างและชื่อหน่วยงานหลายหน่วยงาน ศูนย์วิจัยและบริการการศึกษา ได้เปลี่ยนชื่อเป็น สำนักวิจัยและบริการการศึกษา แต่ยังคงมีภาระหน้าที่ดูแลรับผิดชอบงานสำคัญของสถาบันอุดมศึกษา 2 งานอย่างเดิม คือ งานวิจัยและงานบริการการศึกษา
สำหรับงานวิจัยอื่นๆ สำนักวิจัยฯ ได้สนับสนุนส่งเสริมให้อาจารย์ได้สร้างงานวิจัยให้มากขึ้น โดยจัดวิทยากรให้การอบรมมากขึ้น ให้ทุนสนับสนุนมากขึ้น และอำนวยความสะดวกอื่นๆ เท่าที่จะทำได้ งานบริการการศึกษา สำนักวิจัยฯ ได้รุกลงไปยังกลุ่มคนผู้ด้อยโอกาสมากขึ้น เช่น โสเภณี ผู้ต้องขังที่ใกล้พ้นโทษ ชุมชน-แออัด โดยเฉพาะชุมชนเสือใหญ่ มีการตั้งกลุ่มซาเล้งพัฒนา เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ลดและเลิกสิ่งเสพติดทั้งปวง กิจกรรมที่เป็นเครื่องมือให้เกิดการรวมกลุ่ม ได้แก่ งานสงกรานต์ วันน้ำทิพย์ การแข่งขันแรลลี่ซาเล้ง การอบรมอาชีพเสริมให้เกิดความเข้มแข็งแก่ครอบครัว
ช่วงที่ 5 พ.ศ. 2542-2547
ในปี พ.ศ. 2542 ได้มีประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องการแบ่งส่วนราชการในสถาบันราชภัฏจันทรเกษม ให้แบ่งส่วนราชการเป็น 11 หน่วยงานหนึ่งในสิบเอ็ดหน่วยงานคือ สำนักวิจัยและบริการการศึกษา เปลี่ยนเป็นสำนักวิจัยและบริการวิชาการ บทบาทภาระหน้าที่ยังคงเหมือนเดิมคือดูแลรับผิดชอบงานวิจัยและงานบริการวิชาการ
งานวิจัย ในปี พ.ศ. 2541-2542 สำนักวิจัยฯ ได้รับงบประมาณอุดหนุนการทำวิจัยของอาจารย์ เป็น 7 แสนบาท ในขณะเดียวกันงบประมาณอุดหนุนงานวิจัยหรือปัญหาพิเศษของนักศึกษาก็ปรับขึ้นเป็น 500,000 บาท มีผลให้การจัดสรรทุนคล่องตัวมากขึ้น งบประมาณการจัดอบรมให้ความรู้ด้านวิจัย ตัวเลขอยู่ในระดับเดิม โดยเฉพาะในปี 2542 สำนักวิจัยฯ ได้เน้นให้อาจารย์ทำวิจัยชั้นเรียนให้มากที่สุด โดยจัดวิทยากรจากสภาวิจัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นพี่เลี้ยงดูแลให้คำแนะนำทุกขั้นตอนของกระบวนการวิจัยในชั้นเรียน ใช้เวลา 1 ปี แต่คาบเกี่ยวระหว่างปีการศึกษา คือ 2542-2543 ส่วนของงานบริการวิชาการ งบประมาณบางส่วนถูกลดลงแต่กรอบงานยังคงเหมือนเดิม ซึ่งสำนักวิจัยฯ ก็ได้พยายามปรับลด เพื่อให้งานทุกงานที่เคยบริการให้แก่ชุมชนทุกกลุ่มเป้าหมายยังคงดำเนินไปได้
ในปี พ.ศ. 2542 สำนักวิจัยและบริการวิชาการ มีงานที่ริเริ่มอย่างโดดเด่นอีก 2 งาน คือวันที่ 12 พฤษภาคม 2542 ได้ริเริ่มจัดโครงการวิจัยราชภัฏพัฒนาท้องถิ่นขึ้น ที่ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรตลิ่งชัน โดยเชิญสถาบันราชภัฏทั่วประเทศส่งงานวิจัยเข้าแข่งขัน เสนอผลงานเฉพาะพระพักตร์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และชิงรางวัลเข็มทองคำ นับเป็นประวัติศาสตร์ ที่สถาบันราชภัฏ ได้แสดงศักยภาพทางด้านวิจัยร่วมกัน ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สังคม เพื่อลบล้างความเชื่อเก่า ๆ ที่ว่า สถาบันราชภัฏอ่อนงานวิจัยตลอดจนได้รับความร่วมมือจากอาจารย์ผู้บริหารและผู้สนใจเข้าร่วมงานอย่างคับคั่งจึงถือเป็นการจุดประกายงานวิจัยราชภัฏให้เป็นประเพณีสืบไป
วันที่ 19 ธันวาคม 2542 สำนักวิจัยฯ ได้จัดโครงการสร้างสรรค์วันรำลึกฉลอง เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542 สืบเนื่องจากโครงการสร้างจิตสำนึกอนุรักษ์พัฒนาคลองฯ เฉลิมพระเกียรติ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2541
การจัดโครงการสร้างสรรค์วันรำลึกคลองในครั้งนี้ เน้นให้เป็นประเพณีและวัฒนธรรมของคนไทยที่มีความผูกพันกับคลองมาแต่โบราณ เช่น ประเพณีชักพระทางน้ำ การบิณฑบาตรทางน้ำ ตลาดน้ำ การแข่งขันเรือพาย เป็นต้น ฯพณฯ พลอากาศตรีกำธน สินธวานนท์ องคมนตรี ให้ความกรุณาเป็นประธาน ใช้บริเวณหน้าวัดบางบัวเป็นที่จัดงาน ได้รับความร่วมมือและความสนใจจากประชาชนในพื้นที่อย่างมาก
การจัดโครงการดังกล่าว เป็นยุทธวิธีหนึ่งในการสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนริมคลอง เริ่มมีความคิดและความตระหนักในความสำคัญของคลองและร่วมมือกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทิ้งของเสีย ทุกชนิดทุกประเภทให้ถูกวิธี นับว่าได้รับความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง
ช่วงที่ 6 ช่วงพระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2548-ปัจจุบัน
เป็นช่วงที่ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏทุกแห่ง ได้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณา แล้วเสนอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ลงนามโปรดเกล้าฯ ให้สถาบันราชภัฏทุกแห่งเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2548 และประกาศใช้เมื่อวันที่
9 มีนาคม พ.ศ. 2548 ทำให้โครงสร้างระบบบริหารภายในของมหาวิทยาลัยทุกแห่งเปลี่ยนไปด้วย โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม มีโครงสร้างภายใน 10 หน่วยงาน และสำนักวิจัยและบริการ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น สถาบันวิจัยและพัฒนา ซึ่งเป็นหน่วยงาน 1 ใน 10 หน่วยงานของมหาวิทยาลัย
ราชภัฏจันทรเกษม
ตำแหน่งผู้บริหารตามลำดับ
พ.ศ. 2524 - 2528 ดร.อำนวย เลิศชยันตี หัวหน้าศูนย์วิจัย
พ.ศ. 2528 - 2532 ดร.กฤตยา อารยะศิริ หัวหน้าศูนย์วิจัยและบริการการศึกษา
พ.ศ. 2532 - 2536 ผศ.ศิริกุล ผลิศักดิ์ หัวหน้าศูนย์วิจัยและบริการการศึกษา
พ.ศ. 2536 - 2538 ผศ.ศิริกุล ผลิศักดิ์ หัวหน้าศูนย์วิจัยและบริการการศึกษา
พ.ศ. 2538 - 2542 ผศ.ศิริกุล ผลิศักดิ์ หัวหน้าสำนักวิจัยและบริการการศึกษา
พ.ศ. 2542 - 2546 ผศ.ศิริกุล ผลิศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและบริการวิชาการ
พ.ศ. 2546 - 2548 รศ.ดร.นภาพร สิงหทัต ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและบริการวิชาการ
พ.ศ. 2548 - 2550 รศ.ดร.นงเยาว์ จันทราช ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา
พ.ศ. 2550 - 2554 ผศ.ดร.ปัญญา ธีระวิทยเลิศ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา
พ.ศ. 2554 - 2558 ผศ.ดร.ปัญญา ธีระวิทยเลิศ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา
พ.ศ. 2558 - 2560 ผศ.ดร.วรนารถ ดวงอุดม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา
พ.ศ. 2561 - 2564 ศ.ดร.พรรณี บัวเล็ก ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา
พ.ศ. 2564 - 2567 ดร.วีระพงศ์ รุกขพันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา
พ.ศ. 2567 - ปัจจุบัน ผศ.ดร.ธวัช คำทองทิพย์ รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา